แทะเรื่องริมกระทะ
แสงแดดอ่อนๆ โลมเลียต้นไม้ใบไม้ราวจะได้เสียกัน เสียงนกกระจอกร้องเรียกหากิ๊กหาผัวแต่หัววัน ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสำเหนียกเอะใจว่าสันติภาพและความสงบสุขแห่งยามเช้า กำลังจะหมดไป...
"เวรเอ๊ย...ลำพังน้ำมันก้อเดือดปุดๆ ร้อนจะตาย-่าอยู่แล้ว นี่ยังมาเกาะแกะอีก บอกกี่ทีแล้ว อีดอัดรู้มั้ย!" นายท่องโก๋ร้องโวยวายเสียงดัง
"ขอโทษนะ...อ่ะ ดีขึ้นมั้ย" นางท่องโก๋ขืนตัวออกห่าง พร้อมกระซิบตอบเบาๆ เหตุเพราะเกรงใจบรรดาเพื่อนพ้องปาท่องโก๋ร่วมกระทะ
"ไม่ใช่แฝดอินจันนะ ตัวติดกันแล้วจะได้ดังไปค่อนโลก...โอ๊ย!" บ่นอุบไม่ทันไร เจ้าท่องโก๋น้อยก็ต้องเจอดี ไม้สองท่อนใหญ่ยาวราวกับไม้ค้ำถ่อกำลังพาดผ่านเอวสองข้างของมัน
"ลุงกับป้าทั้งสอง เบาหน่อยดีไหมจ๊ะ กลัวเค้าจะเจ็บ..." ไม่ทันสิ้นเสียง นายท่องโก๋ก็แทรกขึ้น "ทำเป็นพูดดี ... ชั้นเจ็บ-เธอก็เจ็บเหมือนกันนั่นแหล่ะ หรือจะว่าไม่จริง"
ขณะที่บทสนทนากำลังจะทำท่าร้อนแรงกว่าไฟในกระทะ ไม้ใหญ่สองท่อน มองหน้ากันและกัน อมยิ้มในที
รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าย่นๆของลุงและป้าตะเกียบ ชัดเจนพอที่จะทำให้เห็นทะลุไปถึงเนื้อในความเข้าใจของทั้งสอง ความเข้าใจที่สร้างขึ้นจากแรมปีที่ผ่านร้อนหนาวมาด้วยกัน
"ยิ้มหาอะไร สะใจมากมั้ย เห็นคนทะเลาะกัน" นายท่องโก๋เริ่มก้าวร้าวไม่เลือก
"เปล่า" สองเสียงพร้อมใจประสานขึ้นพร้อมกัน
"ก็แค่เรายังไม่ได้ออกแรงอะไรเลย...เป็นพวกคุณซะอีกที่เลือกดิ้นไปมา...ต่างคนต่างดิ้น...ทำให้ต่างคนต่างเจ็บ" ตะเกียบทั้งสองผลัดกันต่อประโยคให้กัน สร้างความรำคาญใจให้กับนายท่องโก๋เป็นอย่างยิ่ง
แต่สำหรับนางท่องโก๋นั้น คือความประทับใจล้วนๆ
"ทำได้ยังไง?" ความคิดของนางท่องโก๋ ดังออกมาเป็นคำถามให้ทุกคนได้คิด กระทั่งนายท่องโก๋ก็อดสงสัยตามไม่ได้
"จริงๆด้วย ไม่เจ็บแล้ว...ลุงกับป้าทำได้ยังไง?"
ห้วนไปรึเปล่าครับ สำหรับนิทานทำมือเรื่องนี้...อยากทิ้งไว้ให้เป็นมุมคิดต่อๆไป
บ่อยครั้งที่ในความสัมพันธ์ของเรา ไม่มีที่ว่างไว้ให้หายใจ
บ่อยครั้ังที่ในความสัมพันธ์ของเรา มัวนั่งกลุ้มกลััว...กังวลเกินเหตุกับสิ่งที่ยังไม่มาถึง
บ่อยครั้งที่ในความสัมพันธ์ของเรา ดำเนินบนความจำเป็น มากกว่าความเข้าใจ
บ่อยครั้งที่ในความสัมพันธ์ของเรา...
ท่องโก๋เกิดมาเป็นคู่ แต่จบลงเป็นข้าง
ตะเกียบเกิดมาเป็นข้าง แต่ต้องทำงานเป็นคู่
ผมคงไม่จบด้วยประโยคเท่ๆที่เช่น "แล้วคุณล่ะ เลือกเป็นท่องโก๋หรืือตะเกียบ?" ... กลัวจะกลายเป็น forward mail ไปซะโดยบริบูรณ์ ... แต่อย่าลืมนะครับ ตะเกียบข้างเดียวก็ไม่ใช่จะไร้ค่า อย่างผมน่ะประจำเลย เอาตะเกียบข้างเดียวมาใช้คนแก้ว
ว่าแล้วก็นึกได้
ผมแม่งเป็นตะเกียบที่เสียบปาท่องโก๋จิ้มนมอยู่นี่นา!
9 Comments:
จริงๆปาท่องโก๋มันเป็นข้าง แล้วเอามาแปะคู่ชั่วคราวนะ เป็นคู่ทุกข์คู่ยากในกระทะน้ำมัน คนกินปาท่องโก๋ก็ใจร้ายเน๊อะ มันอุตส่าห์ฝ่าฟันทุกข์มาด้วยกัน ก็มาแยกมันกินซะเฉยๆเลย (อย่างนี้ต้องกินให้ครบคู่ มันจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไ...ป)
ซึ้งเชียว
แต่เราว่าเรื่องนี้จะซึ้งกว่านี้ ถ้าบทบู๊ล้างผลาญของคู่นายนางปาท่องโก๋ (ซึ่งแอบสับสนถ้าอ่านไม่ดี)จะนิ่มลงกว่านี้หน่อยนะแก
แต่เนื้อหาท่าทางจะโดนใจคนเขียนมากกว่าละมั๊ง??!!
Original อีกแล้ว สร้างสรรค์มากค่ะ ออกพ๊อกเก๊ตบุ๊คเมื่อไหร่จ๊ะ
โหย พี่ชี่ โดนใจหวะ .. ชอบๆ ได้ใจมากเลย เข้าใจเปรียบเทียบ ชอบตรงนี้ครับ
"ท่องโก๋เกิดมาเป็นคู่ แต่จบลงเป็นข้าง
ตะเกียบเกิดมาเป็นข้าง แต่ต้องทำงานเป็นคู่"
ผมก็เป็นตะเกียบหนึ่งข้าง ที่ขาดคู่ อยู่พอดีเลย .. ไม่รู้จะหาตะเกียบอีกข้างนึงได้ฤเปล่า .. แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ขอเป็นตะเกียบที่เสียบปาท่องโก๋จิ้มนมอยู่แน่นอนพี่ .. มันดูวุ่นวายไปหน่อย ^^
ดูดิ...ขนาดแค่พูดถึงปาท่องโก๋ ผู้หญิงยังต้องยอมผู้ชายหรอเนี่ย!!! ไม่ยุติธรรมเลยเนอะ? ฮ่าๆ
....ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยนะ
---------------------------------
อืม... ชอบเรื่องที่ว่างนะ คนเราต้องมีที่ว่างจริงๆหละ ถ้าติดกันเป็นปาท่องโก๋ทุกวัน ไม่ดีแน่ คนเราอยู่กันมากก็ทะเลาะกันมาก สุดท้ายก็ต้องแยกจากกัน..
แต่ส่วนตะเกียบเนี่ย...นึกถึงในร้านก๋วยเตี๋ยวนะ มีตะเกียบวางรวมกันเยอะๆ ตะเกียบข้างนึงมันจะคู่กับอันไหนก็ได้...ให้ความรู้สึกเหมือนคนที่แบบ พอเจอใครใกล้ๆก็เอาเป็นคู่หมดเลย... ไม่ค่อยดีเหมือนกัน..
คิดมากไปป๊ะ? 555
อยากแนะนำให้ตะเกียบที่เสียบปาท่องโก๋จิ้มนมลองเปลี่ยนมาจิ้มวาซาบิดูบ้าง.... อย่างน้อยเวลากินมันเข้าไป ก็สามารถกลบเกลื่อน"เหงื่อในหัวใจ"ที่มันไหลซึมออกมาได้.... เป็นเอามากนะเพื่อนกู
อืม ผมว่าพี่นี่มีวิธีเขียนหลายเเนวดีนะ อ่านมาทั้งหมดผมชอบเรื่องนี้สุดนะ เขียนต่อไปพี่จะตามอ่านนิทานทำมืออีก
โคตรสนุกเลย .... ขอบคุณมาก คุณ Iconoclast ที่แนะนำครับ
อ่านจบเเล้วอยากเป็นตะเกียบจิ้มนม
Post a Comment
<< Home