Thursday, April 27, 2006

sleeping beauty

เคยได้ยินบ่อยๆว่าชีวิตเหมือนละคร
จริงครับ อันนี้ไม่เถียง
เพราะไม่มีคำยืนยันว่าในละคร เราเล่นเป็นตัวละครตัวไหน พระเอก นางเอก นางอิจฉา หรือตัวโกง?

แหม อุตส่าห์เก็บมานาน ที่สุดก็ต้องวกเข้าเรื่องหนังจนได้...เพราะความอึดอัดบางประการ ด้วยว่ากระผมนี้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาศึกษาต่อเรื่องการ"ทำ"หนัง แต่สุดท้ายช่วงเดือนที่ผ่านมา ไม่รู้พระศุกร์เข้าหรือพระเสาร์เสือก กระผมแปลงร่างกลายเป็น"นักแสดง"ไปโดยปริยาย...ในบางฉากบางตอนที่ถ่ายทำกันไป ก็อดไม่ได้ที่จะนึกว่าบทนั้นๆเขียนมาเพื่อเรารึเปล่า

แล้วก็อดนึกไม่ได้เหมือนกันว่า เออ คนเราชอบต๊ะติ๊งโหน่งเหมาเอาว่าเราเป็นพระเอกนางเอกในชีวิตจริง...
เหนื่อยครับ รู้ว่าต้องเล่นเป็นตัวละครตัวไหน ในขณะที่บทหนังยังเขียนไม่สำเร็จ...

ว่าแล้วอาทิตย์ที่ผ่านมาโชคก็เข้าข้าง มีสิ่งดีๆมากระเทาะสมองให้ผมได้มองมุมใหม่ๆ

สิ่งดีๆที่ว่าคือหนังสั้นของผู้กำกับชื่อตูน มานุสส วรสิงห์ ชื่อ "เจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beuty)"
ไม่ขอเจาะลึกถึงรายละเอียดการเข้าประกวด รางวัล และกระแสตอบรับนะครับ
...เพราะที่อยากระบายคือในส่วนวิธีการ

เจ้าตูนหยิบยืมเนื้อเรื่องอันเป็นสากลของเจ้าหญิงนิทรามาใช้กับคลิปวิดีโอที่"บังเอิญ"บันทึกไว้
ที่น่าสนใจคือเป็นคลิปวิดีโอในมือถือซะด้วย...นั่นคือความบังเอิญอย่างแรก
ที่น่าสนใจกว่าคือคลิปที่ว่าเป็นภาพของคุณป้า(ของเจ้าตูน) ในช่วงสุดท้ายของชีวิตในโรงพยาบาล...นั่นคือความบังเอิญอย่างที่สอง
ที่น่าสนใจสุดๆคือการตัดต่อเรียงร้อยภาพเข้ากับเรื่องราวของเจ้าหญิงนิทราที่ดูยังไงก็ไม่ขัดเขิน...นั่นไม่ใช่ความบังเอิญ
...เป็นความจงใจครับ เป็นอัจฉริยภาพของคนทำหนังที่มองว่าโลกแห่งความจริงกับบทละคร แยกจากกันไม่ได้

ผลลัพธ์คือหนังสั้น ซึ่งเจ้าของเรียกว่า "สารคดีทดลอง" ที่สวยงามไม่แพ้หนังรักฟอร์มใหญ่อย่างชู้รักเรือล่มเลยทีเดียว
ความยาว 8 นาทีกว่าๆ พาเราผูกพันไปกับคุณป้าได้ตลอด
ตั้งแต่วินาทีแรกที่อดขำไม่ได้กับการเกิดของเจ้าหญิง ที่ดูจะสวนทางเหลือเกินกับภาพคุณป้านอนป่วยอยู่บนเตียง
นางฟ้าสามองค์ที่แท้จริงแล้วคือญาติๆที่มาเยี่ยมผู้ป่วย
เจ้าชายฟิลลิปหรือคุณหมอ
จนถึงนาทีสุดท้าย เมื่อผู้บรรยายกล่าวว่า "แล้วเจ้าหญิงก็ฟื้นขึ้นมา..." กับภาพหน้าศพของคุณป้า

ผมทั้งประทับใจและขนลุกไปพร้อมๆกันครับ เพราะหนังสั้นเรื่องนี้อบอวลไปด้วยไออุ่นของความรักล้วนๆ
ไม่แน่ใจว่าจะหาดูได้จากที่ไหนเพราะเจ้าตัวเองออกปากว่าไม่อยากให้หนังเรื่องนี้ไปลอยนวลอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ท
แต่ถ้าใครอยากดู ไว้ผมจะจัดให้...หลังไมค์ละกันนะครับ

ดูหนังจบแล้วก็หันกลับมามองตัวเองว่า หนังชีวิตของเรายังเล่นไปไม่ถึงครึ่งเรื่องซะด้วยซ้ำ...แต่ถ้าใครจะเอาชีวิตผมไปสร้างเป็นหนังละก็
...ผมขอเป็น Shrek นะครับ

2 Comments:

Blogger noomai said...

คุณคงรู้ว่าเราอยากดู... หุหุ.. ทราบแล้วปฏิบัติ ด่วน..น

6:17 AM  
Anonymous Anonymous said...

ต้องขอนับถือพี่เค้าเลยที่สามารถเอาวีดีโอที่ถ่ายเล่นๆมาปะติดปะต่อกันได้เป็นเรื่องราว และด้วยมุมมองกลับกัน คือการจากไปของคุณป้า กลายเป็นการฟื้นขึ้นมาของเจ้าหญิง... จะบอกว่าดูตอนแรกก็งงแหละ โง่ไง ไม่ค่อยมีเซ้นซ์ทางด้านนี้.
ที่จริงในละครชีวิตจริงที่แต่ละคนเล่นอยู่ ก็ได้เล่นทุกบทแหละ... บางทีก็เป็นนางเอก บางทีก็เป็นนางร้าย(รู้สึกอันนี้จะเป็นบ่อย)บางทีก็เป็นตัวตลก...แต่ละบทบาท ขึ้นอยู่กับอารม...เนอะ ฮ่ะ ฮ่ะ

1:45 AM  

Post a Comment

<< Home