Thursday, April 27, 2006

sleeping beauty

เคยได้ยินบ่อยๆว่าชีวิตเหมือนละคร
จริงครับ อันนี้ไม่เถียง
เพราะไม่มีคำยืนยันว่าในละคร เราเล่นเป็นตัวละครตัวไหน พระเอก นางเอก นางอิจฉา หรือตัวโกง?

แหม อุตส่าห์เก็บมานาน ที่สุดก็ต้องวกเข้าเรื่องหนังจนได้...เพราะความอึดอัดบางประการ ด้วยว่ากระผมนี้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาศึกษาต่อเรื่องการ"ทำ"หนัง แต่สุดท้ายช่วงเดือนที่ผ่านมา ไม่รู้พระศุกร์เข้าหรือพระเสาร์เสือก กระผมแปลงร่างกลายเป็น"นักแสดง"ไปโดยปริยาย...ในบางฉากบางตอนที่ถ่ายทำกันไป ก็อดไม่ได้ที่จะนึกว่าบทนั้นๆเขียนมาเพื่อเรารึเปล่า

แล้วก็อดนึกไม่ได้เหมือนกันว่า เออ คนเราชอบต๊ะติ๊งโหน่งเหมาเอาว่าเราเป็นพระเอกนางเอกในชีวิตจริง...
เหนื่อยครับ รู้ว่าต้องเล่นเป็นตัวละครตัวไหน ในขณะที่บทหนังยังเขียนไม่สำเร็จ...

ว่าแล้วอาทิตย์ที่ผ่านมาโชคก็เข้าข้าง มีสิ่งดีๆมากระเทาะสมองให้ผมได้มองมุมใหม่ๆ

สิ่งดีๆที่ว่าคือหนังสั้นของผู้กำกับชื่อตูน มานุสส วรสิงห์ ชื่อ "เจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beuty)"
ไม่ขอเจาะลึกถึงรายละเอียดการเข้าประกวด รางวัล และกระแสตอบรับนะครับ
...เพราะที่อยากระบายคือในส่วนวิธีการ

เจ้าตูนหยิบยืมเนื้อเรื่องอันเป็นสากลของเจ้าหญิงนิทรามาใช้กับคลิปวิดีโอที่"บังเอิญ"บันทึกไว้
ที่น่าสนใจคือเป็นคลิปวิดีโอในมือถือซะด้วย...นั่นคือความบังเอิญอย่างแรก
ที่น่าสนใจกว่าคือคลิปที่ว่าเป็นภาพของคุณป้า(ของเจ้าตูน) ในช่วงสุดท้ายของชีวิตในโรงพยาบาล...นั่นคือความบังเอิญอย่างที่สอง
ที่น่าสนใจสุดๆคือการตัดต่อเรียงร้อยภาพเข้ากับเรื่องราวของเจ้าหญิงนิทราที่ดูยังไงก็ไม่ขัดเขิน...นั่นไม่ใช่ความบังเอิญ
...เป็นความจงใจครับ เป็นอัจฉริยภาพของคนทำหนังที่มองว่าโลกแห่งความจริงกับบทละคร แยกจากกันไม่ได้

ผลลัพธ์คือหนังสั้น ซึ่งเจ้าของเรียกว่า "สารคดีทดลอง" ที่สวยงามไม่แพ้หนังรักฟอร์มใหญ่อย่างชู้รักเรือล่มเลยทีเดียว
ความยาว 8 นาทีกว่าๆ พาเราผูกพันไปกับคุณป้าได้ตลอด
ตั้งแต่วินาทีแรกที่อดขำไม่ได้กับการเกิดของเจ้าหญิง ที่ดูจะสวนทางเหลือเกินกับภาพคุณป้านอนป่วยอยู่บนเตียง
นางฟ้าสามองค์ที่แท้จริงแล้วคือญาติๆที่มาเยี่ยมผู้ป่วย
เจ้าชายฟิลลิปหรือคุณหมอ
จนถึงนาทีสุดท้าย เมื่อผู้บรรยายกล่าวว่า "แล้วเจ้าหญิงก็ฟื้นขึ้นมา..." กับภาพหน้าศพของคุณป้า

ผมทั้งประทับใจและขนลุกไปพร้อมๆกันครับ เพราะหนังสั้นเรื่องนี้อบอวลไปด้วยไออุ่นของความรักล้วนๆ
ไม่แน่ใจว่าจะหาดูได้จากที่ไหนเพราะเจ้าตัวเองออกปากว่าไม่อยากให้หนังเรื่องนี้ไปลอยนวลอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ท
แต่ถ้าใครอยากดู ไว้ผมจะจัดให้...หลังไมค์ละกันนะครับ

ดูหนังจบแล้วก็หันกลับมามองตัวเองว่า หนังชีวิตของเรายังเล่นไปไม่ถึงครึ่งเรื่องซะด้วยซ้ำ...แต่ถ้าใครจะเอาชีวิตผมไปสร้างเป็นหนังละก็
...ผมขอเป็น Shrek นะครับ

Tuesday, April 18, 2006

elephant love medley...เวอร์ชั่นไทย

ขอยกเครดิตให้ใครสักคนที่ซนกันจนได้เรื่อง ณ http://iimp.exteen.com/
อ่านไปก็ขำไป เลยเอากะเค้าบ้าง...ของเราเวอร์ชั่นหนังกลางแปลงครับ ยาวสุดๆ
ขอบคุณน้อง Yuiii ที่ร่วมสละเวลามาซนกันจนได้เรื่อง ... อิอิ
(หมายเหตุ: กรุณาอย่าหลับตาข้างนึงสำหรับเนื้อเพลงและตัวสะกดนะครับ...ขำๆ ไม่ขอเป๊ะ)

ช. เจอะเธอแล้ว เจอะเธอแล้ว...เธอคนนี้ที่ใจฉันใฝ่หา ขอบคุณฟ้า อยากขอบคุณ ท้องทะเล

ญ. แต่ว่าช้าก่อน ยั้งหัวใจไว้ก่อน ที่เทอจะทำจากนี้ อย่าเพิ่งนะ แล้วคิดอีกที ขอให้คิดอีกทีได้มั้ย

ช. ช้าๆไว้ไม่ทันนะ เวลาจะรักใคร ยั้งยั้งไว้ไม่เคยได้ดี

ญ. เพราะชั้นไม่รุ้จะรักเทอนานเท่าไร เพราะชั้นนั้นรุ้ว่าใจชั้นไม่แน่นอน

ช. จะมีไหมสักวันที่ใจของเธอ จะจืดจางหายไป หรือว่าอะไรๆที่เธอมีให้ จะน้อยลงไปกว่านี้

ญ. (หลังจากเพลงนั้น....พอเวลาผ่านไป)...
จับมือซ้ายชั้นไว้ มือขวาชั้นไว้ แล้วมัดไว้ด้วยใจของเทอ ไม่ให้ชั้นหนีไปไหน เทอขังชั้นไว้ ด้วยคำว่ารักรักชั้นคนเดียว จับความรักชั้นไว้ เทอยื้อชั้นไว้ แล้วเทอก้อมีอีกคนเข้ามา เทอกลับหันหลังช้าๆไม่มีคำลา เทอทำกับชั้นยังงั้นทำไม

ช. จะไม่ยอมให้เธอลำบาก ไม่ยอมให้เธอลำบาก ไม่ยอมให้เธอต้องทนเพราะฉัน มันไม่มีเจ้าชาย เหมือนในนิยาย แต่ที่มีที่เป็นก็เพียงคนสุดท้าย ที่ยังรักเธอ

ญ. กลับมาได้รึเปล่า... กลับมาหาชั้นทีได้ไหมคนดี หากว่าใจของเทอไม่ได้เปลี่ยนไป ก้อให้โอกาสชั้นอีกจะได้ไหม

ช. บอกเธอได้ไหมใจนี้ยังมีเธอ บอกเธอได้ไหมยังคิดถึงเสมอ บอกเธอได้ไหมใจฉันยังดึงดันจะรักเธอ แต่ตอนนี้ชั้นรู้ดีว่าสายไป

ญ. อยุ่กับชั้นแล้วเทอยังรักคนอื่น ใจชั้นก้อเจ็บทุกวัน แต่ถึงเทอเลือกจบถึงเทอเลือกไป ชั้นก้อปวดใจเหมือนกัน จะบีบชั้นก้อตาย จะปล่อยชั้นก้อตาย ไม่มีความหมายอะไรกับชั้น จะอยุ่หรือจะทิ้งกันไป ทุกอย่างโหดร้ายทั้งนั้น เทอทำได้อย่างใจ

ช. โปรดลงโทษชั้น วันนี้ชั้นทำเทอร้องไห้ คงรู้สึกผิดหวัง กับสิ่งที่ตัวชั้นได้ทำไป ไม่อาจรู้เลย ชั้นทำให้คนที่รักชั้น ต้องเสียใจ แต่มันไม่มีโอกาสย้อนคืน สิ่งใดจะแทนที่ทำเอาไว้ นอกจากทำร้ายชั้นมันให้แรงอีกหน่อย

ญ. เจ็บบ่อยๆ ค่อยๆชิน อยากจะทิ้งหรือจะกลับมา ก้อคงต้องแล้วแต่เทอ ใจมันยอมเพราะรักเทอ พร้อมให้อภัยเสมอ เพราะชั้นมันมีแต่เทอ เท่านั้น

ช. แต่ถึงจะเลือกเธอ หรือจะเลือกเค้า ก็ปวดร้าวในใจเท่ากัน เมื่อความรักที่เธอและเค้ามีให้ชั้น มันแสนจะดี ในวันนี้ไม่อยากจะเลือกใคร

ญ. อย่าบอกว่ายังรัก ไม่อยากฟัง พูดทำไม เมื่อเทอต้องเลือกเขาอยุ่แล้วชั้นเข้าใจ ถ้าหากว่ายังรัก ก้อกลับมา ทิ้งเขาเลยทำได้มั้ย? ถ้าคิดว่าดีแต่ปากอ ย่าพูดไป ก้อรุ้ว่ามันไม่จริง

ช. ปากบอกออกไป...บอกไปตามใจอย่างนั้น กี่หมื่นกี่พันไม่เคยสนใจ ...เอ่ยคำว่ารักไม่ยากเท่าไหร่ ใครๆก็พูดกันได้ ปากคอยพูดไปไม่ต้องใส่ใจถ้อยคำ

ญ. ยอมรับเธอเข้าใจได้ดี ว่าฉันรักเธอมากมาย และพร้อมจะยอมปรับใจ ในวันนี้ต้องการจะบอกเธอ อยากให้เธอรับฟังคนดี คือว่าใจดวงนี้ อยากให้เราเลิกกัน ควรจบกันซะที จากวันนี้จะไม่มีวันเหมือนเดิม อีกต่อไป อยากให้เราเลิกกัน แม้ฉันต้องเสียใจ โปรดจำไว้ผู้หญิงคนหนึ่งก็กล้าพอ

ช. แต่อยากจะถามเธอก่อน ถามใจเธอก่อน เธอลืมผู้ชายคนนี้ได้หรือไร...อ้อมกอดที่คุ้นเคยอยู่ เสียงหัวใจที่เคยได้ยิน ...รอยจูบที่เคยฝากไว้ในใจเธอ

ญ. ไม่อยากทำร้ายตัวเองอีกแล้ว ให้เสียเวลา บอกใจให้รักตัวเองดีกว่า จะอดทนทำไม อย่ามัวทำร้ายตัวเองอย่างนี้ ทำไปเพื่อใคร รักไปก้อมีแต่เจ็บ รักไปเปลืองใจเปล่าๆ เฝ้ารออย่างเก่าก้อมีแต่เสียน้ำตา ไม่ได้อะไร

ช. เข้าใจดีที่เธอต้องไป พร้อมใครที่มีทุกสิ่ง เป็นความจริงในชีวิตเธอ อย่ากังวลกับคนไม่สำคัญชั้นยอมเสมอ ขอบใจเธอที่เคยร่วมทุกข์มานาน...เมื่อพบเค้าแล้วก็ควรตัดใจ ไม่เป็นไรแค่พูดคำลา...ขอบใจจริงที่รักกันมารีบไปเถอะหนาเค้ารอเธออยู่

ญ. อยากถามว่าใครทิ้งกันไปก่อนใคร อย่างน้อยเทอคงรุ้ใจตัวเองดีกว่าชั้น แม้ชั้นเองที่พูดคำว่าเลิกกัน ถามว่าก่อนนั้นใครกันแปลเปลี่ยน

ช. อยากให้เหมือนก่อน ตอนที่รักกัน ความสุขมันย่อมมี แต่มันสายเกินไปเธอคงรู้ดี ว่าคนที่เจ็บตอนนี้ไม่ใช่เธอ

ญ. ไม่ต้องทำอย่างนี้ไม่จำเป็น ต้องใช้น้ำตากับอารม โปรดข่มใจเอาไว้ก็แล้วกัน จะบีบคั้นชั้นทำไมหรือเทอ

ช. ก็เหมือนว่าใจมันจะขาดจะหายไป แค่เพียงได้ฟังคำเธอร่ำลา ต้องฝืนใจต้องหันไปซ่อนน้ำตา ต้องเก็บต้องกดมันเอาไว้ ...ก็รักเธอเหลือเกิน ไม่อยากให้ต้องหวัั่นไหว ไม่ต้องติดค้างอะไร ก่อนไปจากฉันคนเดิม ...

ญ. รู้มั้ยบางทีคนเราก้อต้องมีเจ็บและช้ำใจ บางอย่างก้อมีผิดหวัง บางครั้งต้องเข้าใจ ถึงแม้ว่าเทอไม่เคยต้องเจ็บอย่างนี้มันเป็นยังไง ชั้นอยากให้รุ้ว่าชั้นก้อเคยเป็นอย่างเทอ

ช. เพิ่งจะรู้ที่แท้เราก็เพียงรักกัน แต่ความรักเท่านั้นไม่พอแหล่ะไม่ง่ายดาย เพิ่งจะรู้ว่ารักที่ไม่เคยเข้าใจ จะอย่างไร รักนั้นก็คงจบในไม่นาน และต่างก็ต้องเสียใจ ไม่อาจจะไปด้วยกัน ทั้งเธอและฉันที่ไม่มีวันเหมือนเดิม

ญ. อยากพบอีกครั้งนึง อยากซึ้งอีกซักนาที อยากทำดีดีกับเทออีกสักครั้ง ที่แล้วไม่เสียใจ กอดไว้ทั้งน้ำตา ก่อนจะยอมรับว่าเราเข้ากันไม่ได้

ช. ถ้าหากชั้นวอนเธอให้อยู่ นานอีกหน่อยจะได้ไหม ขอเวลาสองเรา นานอีกหน่อยเธอค่อยไป

ญ. ปล่อยมือเถอะนะ ปล่อยชั้นไป ให้ชั้นไป อย่าทำอย่งนี้เลย เชื่อฉันเถอะนะ อย่าฝืนใจกัน อย่างนี้เลย ทรมาน

ช. หมื่นคำลา ก็จะฟัง หากมันช่วยรั้งเธออยู่สักแค่นาที จะเจ็บช้ำสักเท่าไหร่ ต้องทนต้องฝืนเท่าไหร่ จะแลกมันมาครั้งสุดท้าย

ญ. ไม่รุ้ทำไมเวลาเทอไป ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง บอกเลิกทีไร สุดท้ายก้อเป็นชั้นเองที่เสียใจ ปากดีเหลือเกินนะเรา แค่ทิ้งคนที่ทำร้าย กลั้นใจทิ้งเทอไม่ลงซะที

ช. อยากให้เรามาเริ่มใหม่ ไม่อยากให้เหินห่าง ก็เธอคือทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ชั้นต้องการจะมี กว่าใครๆ

ญ. ช่วยกลับมาทำให้ใจชั้นเป็นแผล ช่วยกลับมาทำให้ใจชั้นร้าวพอประมาณ ช่วยกลับมาทำให้ใจชั้นเจ็บช้ำ อยากบอกให้เทอได้ฟัง คิดถึงเทอจังยัยตัวร้าย

ช. เรามีกันอยู่เพียงสองคน อยู่มาจนเราเข้าใจกันดี บางครั้งรักก็ต้องมีเรื่องที่กวนใจ...ใจจะยอมอภัยให้เธอ แต่จะยอมให้เธอเท่านั้น ก็มีเพียงเธอและฉันที่ยังผูกพัน รักกันอย่างเดิม ...เล็กๆน้อยๆเราก็ยอมกันไป ความจริงในใจยังโกรธ เล็กๆน้อยๆ เราก็ยอมกันไป ใจจริงน่ะ กลัวเป็นโสด

ญ. ผ่านเวลามาเนิ่นนานเทอก้อรุ้ว่า ในเวลาที่อยุ่กับความเหงา เทอก้อคงเหมือนกันคงทุกข์ใจไม่เบา อยากให้เรามาเป็นเหมือนเดิม เริ่มใหม่ได้มั้ยห๊า สิ่งที่เราเคยมีปัญหาเทอพอจะลืมได้ไหม อยากจะเห็นวันของเราที่แสนงดงาม

ช. รัก รักเธอหมดใจรู้รึเปล่า อยากมีเพียงสองเราอยู่กับจันทร์เหมือนเคย อยากฟังซ้ำ คำที่เธอเอื้อนเอ่ย บอกว่ารักเหมือนเคยอยู่ในอ้อมแขน

ญ. ถ้าหากเทอยังอยากมีรักเรา ชั้นว่าไม่มีอะไรดีกว่านี้ กลับไปลืมเขามาก่อนดีกว่ามั้ย กลับไปบอกเขาว่าจบกันแค่นี้ กลับไปตอกย้ำเขาออกไปจากเทอเสียที พูดว่าไม่รักพอกันที แค่นี้ทำได้มั้ย

ช. ก็พูดจาไม่ออก เข้าใจไหม ไม่รู้ว่าจะเอ่ยเพื่ออะไร

ญ. ต่างกันตรงไหน ถ้าชั้นจะไปจากเทอ หรือชั้นจะยังมีเทอ ชีวิตก้อคงจะเลวร้าย บอกเทอวันนี้ชั้นรับต่อไปไม่ไหว และชั้นต้องไม่เข้าใจทำไมต้องทรมาน

ช. ใจเย็นๆดีไหม ชั้นจะให้เวลา คำที่เธอพูดมาชั้นจะลืมมันไป กลับคำเสีย อย่าเอ่ยมันออกมา โปรดจงคิดดูอย่างช้าๆในใจ

ญ. ชั้นรุ้ดีว่าควรรักเทอให้น้อยลง เพราะฝืนไปก้อคงเสียใจอยุ่อย่างนี้

ช. อย่าร้องไห้ไปอีกเลย สิ่งที่เคยก็ขอให้มันผ่านพ้น แค่เพียงคนหนึ่งคน อย่าไปจำอย่าเสียน้ำตาให้เขาเลย

ญ. แล้วชั้นจะฝืน ฝันหัวใจตัวเองได้ไหม แล้วชั้นจะฝืนความรุ้สึกของชั้นได้ยังไง

ช. กลับมาหาสักครั้งถ้าเธอสับสน กลับมาค้นพบรักแท้ในรักชั้น กลับมาซับน้ำตามาลืมความไหวหวั่น...

ญ. แค่เพียงดอกไม้แค่ช่อเดียว ก็ยอมให้เธอหมดใจ แค่คำว่ารักเพียงคำเดียวที่ชั้นยอมให้อภัย ลืมหมดไปแล้วที่เทอทำ ที่ชั้นต้องเคยช้ำใจ ก็ได้แต่ยอม ชั้นใจอ่อนตามเคย

ช. อยู่เคียงข้างกันเหมือนวันก่อน อยู่ใกล้ชิดกันเหมือนวันเก่า อยากจะให้เราสองคนได้กลับมา ร่วมใช้เวลาด้วยกัน

ญ. ไม่อยากรักเทอหรอก แต่ถูกหัวใจบอกทุกวัน ใจมันชวนให้รักเทอเลย ก็ยอมๆกันไปละกัน ไม่อยากรักเทอหรอก แต่ถูกหัวใจสั่งทั้งวัน เรามันคนไปไหนไปกัน ก็เลยยอมเอาไงเอากัน

ช. คนที่พร้อมจะคอยอยู่ข้างกันไป หัวเราะร้องไห้ จะเจอเรื่องดีและร้ายก็กอดชั้น ดั่งมีใครส่งเขาลงมาจากบนนั้นให้พบกัน...หากคุณได้พบใคร แล้วกลายเป็นผูกพัน ก็คงไม่ต่างกันกับตัวฉันวันนั้นสักเท่าไหร่ พบกันแล้วก็อย่าให้แคล้วคลาดไป โปรดรักเค้าไปจนหมดหัวใจ... แค่รักเค้าไปจนหมดหัวใจ!

(รักนะเด็กดื้อ!!)

Monday, April 10, 2006

faith

"ผมเลิกศรัทธาในความรักแล้วครับ"

หนวดผมกระตุกสองทีครึ่งเมื่อได้ยินประโยคประชดชีวิตจากน้องร่วมบ้าน

จะไม่ให้สะดุ้งได้ยังไงครับ ก็ครั้งหนึ่ง ประโยคเดียวกันนี่แหล่ะ เคยหลุดจากปากเหม็นๆของผมเหมือนกัน

แล้วจะแยกความรักกับศรัทธาออกจากกันได้เหรอ...ผมคิดในใจ
จะเหมือนกับเลิกศรัทธาพระเจ้ารึเปล่า...ผมคิดในใจต่อ
คงแค่ไม่สมหวังมากกว่ามั้ง...ผมคิดในใจดังๆจนจบ

ไม่ได้ตั้งใจเล่นลิ้นเล่นคำอะไรนะ พูดถึง "สมหวัง" ทำให้ผมนึกไปถึง "สมประกอบ"

สมประกอบคือความเชื่อที่มนุษย์สร้างไว้ ว่า...
ความรักประกอบด้วยคนสองคน
ความรักประกอบด้วยความเข้าใจและการเสียสละ
ความรักประกอบไปด้วย...
สมประกอบนี่แหล่ะ จริงๆแล้วคือ "กรอบ" ตัวดี ทำให้มนุษย์เราคิดไปต่างๆนานา ทำให้เกิดความหวัง
แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้มนุษย์เราผิดหวังได้เหมือนกัน

อยากให้ลองรักใครแบบไม่สมประกอบบ้างสิครับ ผมเชื่อว่าความรักของคุณน่าจะสมบูรณ์ขึ้นนะครับ

ถึงเวลานั้น สมหวังหรือไม่ คงไม่สำคัญเท่าศรัทธาที่ยังไม่หนีไปไหน

ชั่วโมง...ต้องเมา!

เมามาย - บอดี้สลัม

INTRO : Aadd9 / Aadd9

Dmaj7 Aadd9
สูบไปกี่ตัวไม่รู้ยังคงเบลอ ผมจำไม่ได้
Dmaj7 Aadd9
ตบดูอีกทีแย่แล้วข้างในซอง สองมวนสุดท้าย
Bm E
เพื่อนอยู่ที่ใด ชิ่งหายตอนไหน ผมไม่รู้
Aadd9 C#m7 F#m
เหลือบไปดู นั่นวิ่งหน้าเขียวเข้าสุขา
Bm E
ไม่ได้ทีแล้ว สงสัยเพื่อนรักมันเมาตาย

* Dmaj7 C#m7
ไม่ผิดใช่ไหม ที่ผมจะไปเช็คดู
Bm7 E
เปิดประตู ดูซ้ายดูขวา ว่าอยู่โถใด
Dmaj7
อาจยังจะพอ เอามือลูบหลัง
C#m7 F#m
ดันๆให้หมดไป
Bm7 E
ไม่เป็นไร ถ้ายัง ไม่หายเมามาย
Dmaj7 Aadd9
ผมคงต้องล้วงคอ

Bm7 E
(จะอ๊วกมากเท่าไร ยังมีอีกโถ
Dmaj7 C#m F#m
ไม่ผิดใช่ไหม คนเมามั่วเผลอ เปิดสุขาหญิงไป
G E G Aadd9
ไม่ว่ายังไง...ผมขออีกแก้วนึง
G Aadd9
ฮึม....ฮึม )

Dmaj7 Aadd9
เมื่อคุณมีคอที่แข็ง ไม่เหมือนผม ผมห้ามไม่ได้
Dmaj7 Aadd9
แต่ผมยังมีชีวาสที่พอเหลือ (ให้)ยกแก้วสุดท้าย
Bm E
เปิดเพลงให้ชิล สองสาวสวยเซ็กซ์เข้ามาขอชน
Aadd9 C#m7 F#m
แต่ชิบหายซวยแล้วโซดาแม่งไปไหน
Bm E
แว่บเดียวกันนั้น คนสวยของผมก็วิ่งหนีไป

( ซ้ำ * )

SOLO : Dmaj7 / Aadd9 / Bm7 / Aadd9 /
Dmaj7 / Aadd9 / Bm7 / E / Aadd9

Bm7 E
จะเหล้าหรือเบียร์ใครเค้าก็ว่าผมเมามาย

( ซ้ำ * )

...................................................

สนุกๆครับ ไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร
ไม่คิดจะลบหลู่วงโปรดวงนี้ของผมด้วย
ทิ้งทวนไว้ด้วยสำนึก เมาไม่ขับ นะครับ

...ผมเคยมาแล้ว
บำเพ็ญประโยชน์ น่าเบื่อออก

Sunday, April 09, 2006

ของฝาก

วันนี้มีคำคมจากหลังปกเทปของคุณ ปฐมพร ปฐมพร มาฝาก ประมาณว่า

"แม้นาฬิกาตายยังบอกเวลาถูกถึงสองครั้งในหนึ่งวัน"

........

อย่าไปท้อครับ....

อุปสรรคมีไว้แก้....เสื้อผ้าก็เหมือนกัน....อิอิ

Tuesday, April 04, 2006

ลาก่อน...ลูกชิ้นปิ้ง

สี่พี่น้องลูกชิ้นปิ้ง เพิ่งพ้นวิบัติภัยจากไฟเผาเตาปิ้งย่างแท้ๆ รอยเกรียมกับกลิ่นไหม้ยังไม่จากดี แล้วเวลาแห่งการพลัดพรากก็มาถึง

"น้องสาม...นายน่ะต้องดูแลพี่สองกับน้องสี่ให้ดีๆนะ มีนายอยู่ เราก็อุ่นใจ" น้ำเสียงที่นิ่งสงบของชิ้นใหญ่ ไม่อาจบดบังความกลัวที่มีอยู่ในใจลึกๆได้ ไม่ทันไร ชิ้นใหญ่ก็ลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า

"โห! กลิ่น...ระวังนะ กลิ่นปากมัน...โอ๊ววววววววววววว!" ไม่ทันสิ้นเสียง รู้ตัวอีกที ชิ้นใหญ่ก็เผลอเป็นลมสลบไป

"มันเป็นสิ่งที่กำหนดมาแล้ว ยังไงคงเปลี่ยนไม่ได้" ยังไม่ทันหยุดใจหายกับการจากไปของชิ้นใหญ่ กำลังใจและรอยยิ้มของชิ้นรองคือภาพที่เข้ามาแทน

ไม่ช้าชิ้นรองก็ลอยขึ้นสู่ฟากฟ้าเช่นเดียวกับชิ้นใหญ่ เธอไม่ลืมคำเตือนของชิ้นใหญ่ รีบเอากลั้นหายใจ "ยี้! เป็นร้อนใน...กรี๊ดดดดดดดดด!" ชิ้นรองร้องเสียงหลง พร้อมสลบไป

ชิ้นสามกับชิ้นสี่อ่านแววตากันและกัน ไม่มีน้ำตาหรือคำกล่าวลาใดๆ ทันใดนั้น ชะตากรรมของชิ้นสามก็ไม่ต่างกับชิ้นผู้พี่ทั้งสอง

"จ๊าาาาาาาาาก แมงกินฟัน!" แม้อุดจมูก และหลบจากหลุมร้อนในได้แล้ว ชิ้นสามก็ไม่วายพลาดท่า

ชิ้นสี่น้องชิ้นสุดท้อง ตัวสั่น น้ำตาที่ไหลไม่หยุดจากความกลัว กำลังชะเอาความหวังสุดท้ายของชิ้นสี่ให้เจือจางไป

สำหรับลูกชิ้นที่หมดอาลัยตายอยากแล้ว แต่ละวินาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนชิ้นสี่อดสงสัยไม่ได้ ... หรือเวลาจะลืมทำหน้าที่ของมัน

ชิ้นสี่รอจนเผลอหลับไป ลืมตาขึ้นมา เจ้ายักษ์ใจร้ายก็หายไปเสียแล้ว...
แต่คงยังไม่ถึงวันฟ้าหลังฝน เพราะไม่ทันไร ยักษ์ที่ขาวและอึ๋มกว่าตัวเมื่อกี้ก็โผล่เข้ามา พร้อมบ่นพึมพำ

"ดู๊ดูๆๆๆ กินทิ้งกินขว้างกันอีกแล้ว ... ไหน? โธ่ ไหม้นิดดำหน่อยว่าซะเกรียมเชียว ดู๊ดูๆๆๆ..."

............................................

บ่อยครั้งที่เราเป็นชิ้นสี่
บ่อยครั้งที่เราลืมตัว ตัดสินคนอื่นก่อนหันดูตัวเอง

ไม่ผิดหรอกครับ ถ้าจะมองเห็นข้อด้อยของคนอื่น
แต่อย่าลืมมองหาข้อด้อยของตัวเองไปด้วย

เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
แต่เพราะความไม่สมบูรณ์แบบนี้ไม่ใช่หรือ ที่ทำให้ชิ้นสี่ได้พบกับฟ้าหลังฝนในที่สุด?!

กลอน...เก่า

โคลงขานคราขึ้น จ้ำจุด สุกใส
เล็กใหญ่ต่างเม็ดไป ประดับ กายา
ดรัมเมเชี่ยน101 อาจดูคล้าย ใกล้เคียง
จงอยู่แต่บ้านแลเพียง อย่าเที่ยว แกะเกา

...................................................

ย้อนเวลากลับไปสิบกว่าปีที่แล้ว...นานเนอะ
สมัยนั้น ผมเรียนอยู่ปี 2 ธรรมศาสตร์
จำแม่นว่าช่วงนั้น จีบสาวครับ...เจ้าบทเจ้ากลอนมาเชียว
แปลงร่างเป็นสุนทรชี่ กับนามปากกา "ดอมดมชมเชย"

เอามาปัดฝุ่นดูเล่นๆวันนี้ อ่านไปยิ้มไป พลางคิดในใจว่า

...สาวเจ้าจะรู้มั้ย(วะ) ผมพูดถึงอะไร...?!!

แทะเรื่องริมกระทะ

แสงแดดอ่อนๆ โลมเลียต้นไม้ใบไม้ราวจะได้เสียกัน เสียงนกกระจอกร้องเรียกหากิ๊กหาผัวแต่หัววัน ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสำเหนียกเอะใจว่าสันติภาพและความสงบสุขแห่งยามเช้า กำลังจะหมดไป...

"เวรเอ๊ย...ลำพังน้ำมันก้อเดือดปุดๆ ร้อนจะตาย-่าอยู่แล้ว นี่ยังมาเกาะแกะอีก บอกกี่ทีแล้ว อีดอัดรู้มั้ย!" นายท่องโก๋ร้องโวยวายเสียงดัง

"ขอโทษนะ...อ่ะ ดีขึ้นมั้ย" นางท่องโก๋ขืนตัวออกห่าง พร้อมกระซิบตอบเบาๆ เหตุเพราะเกรงใจบรรดาเพื่อนพ้องปาท่องโก๋ร่วมกระทะ

"ไม่ใช่แฝดอินจันนะ ตัวติดกันแล้วจะได้ดังไปค่อนโลก...โอ๊ย!" บ่นอุบไม่ทันไร เจ้าท่องโก๋น้อยก็ต้องเจอดี ไม้สองท่อนใหญ่ยาวราวกับไม้ค้ำถ่อกำลังพาดผ่านเอวสองข้างของมัน

"ลุงกับป้าทั้งสอง เบาหน่อยดีไหมจ๊ะ กลัวเค้าจะเจ็บ..." ไม่ทันสิ้นเสียง นายท่องโก๋ก็แทรกขึ้น "ทำเป็นพูดดี ... ชั้นเจ็บ-เธอก็เจ็บเหมือนกันนั่นแหล่ะ หรือจะว่าไม่จริง"

ขณะที่บทสนทนากำลังจะทำท่าร้อนแรงกว่าไฟในกระทะ ไม้ใหญ่สองท่อน มองหน้ากันและกัน อมยิ้มในที

รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าย่นๆของลุงและป้าตะเกียบ ชัดเจนพอที่จะทำให้เห็นทะลุไปถึงเนื้อในความเข้าใจของทั้งสอง ความเข้าใจที่สร้างขึ้นจากแรมปีที่ผ่านร้อนหนาวมาด้วยกัน

"ยิ้มหาอะไร สะใจมากมั้ย เห็นคนทะเลาะกัน" นายท่องโก๋เริ่มก้าวร้าวไม่เลือก

"เปล่า" สองเสียงพร้อมใจประสานขึ้นพร้อมกัน

"ก็แค่เรายังไม่ได้ออกแรงอะไรเลย...เป็นพวกคุณซะอีกที่เลือกดิ้นไปมา...ต่างคนต่างดิ้น...ทำให้ต่างคนต่างเจ็บ" ตะเกียบทั้งสองผลัดกันต่อประโยคให้กัน สร้างความรำคาญใจให้กับนายท่องโก๋เป็นอย่างยิ่ง

แต่สำหรับนางท่องโก๋นั้น คือความประทับใจล้วนๆ

"ทำได้ยังไง?" ความคิดของนางท่องโก๋ ดังออกมาเป็นคำถามให้ทุกคนได้คิด กระทั่งนายท่องโก๋ก็อดสงสัยตามไม่ได้
"จริงๆด้วย ไม่เจ็บแล้ว...ลุงกับป้าทำได้ยังไง?"

ห้วนไปรึเปล่าครับ สำหรับนิทานทำมือเรื่องนี้...อยากทิ้งไว้ให้เป็นมุมคิดต่อๆไป
บ่อยครั้งที่ในความสัมพันธ์ของเรา ไม่มีที่ว่างไว้ให้หายใจ
บ่อยครั้ังที่ในความสัมพันธ์ของเรา มัวนั่งกลุ้มกลััว...กังวลเกินเหตุกับสิ่งที่ยังไม่มาถึง
บ่อยครั้งที่ในความสัมพันธ์ของเรา ดำเนินบนความจำเป็น มากกว่าความเข้าใจ
บ่อยครั้งที่ในความสัมพันธ์ของเรา...

ท่องโก๋เกิดมาเป็นคู่ แต่จบลงเป็นข้าง
ตะเกียบเกิดมาเป็นข้าง แต่ต้องทำงานเป็นคู่

ผมคงไม่จบด้วยประโยคเท่ๆที่เช่น "แล้วคุณล่ะ เลือกเป็นท่องโก๋หรืือตะเกียบ?" ... กลัวจะกลายเป็น forward mail ไปซะโดยบริบูรณ์ ... แต่อย่าลืมนะครับ ตะเกียบข้างเดียวก็ไม่ใช่จะไร้ค่า อย่างผมน่ะประจำเลย เอาตะเกียบข้างเดียวมาใช้คนแก้ว

ว่าแล้วก็นึกได้

ผมแม่งเป็นตะเกียบที่เสียบปาท่องโก๋จิ้มนมอยู่นี่นา!

Monday, April 03, 2006

น้ำในร่างกาย

จังหวะเหมาะได้คุยกับเพื่อนรัก (ถือโอกาสใช้คำนี้ และโชคดีที่มีโอกาสได้ใช้คำนี้) อัพเดทเรื่องราวโหลยโทย่ล้านแปด ผลัดกันคันผลัดกันเกาจนได้ข้อคิดมุมใหม่ๆ เรื่องของน้ำในร่างกาย

... อย่าคิดลึกครับ blog ผมมัน PG-13 ยังไม่ลงลึกไปถึงใต้สะดือ

น้ำที่ว่าคือ น้ำตา กับเหงื่อครับ!

น้ำทั้งสอง ผมถือว่าเหมือนกันอย่างหนึ่ง คือเป็น "ทางออก" เหมือนๆ กัน ... ฟังแล้วอย่าเพิ่งงงนะ ทางออกที่ผมว่าเนี่ย หมายถึง ทางออกของแรงกาย และทางออกของแรงใจ ... ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ทำให้เราได้ออกแรง ไม่ว่าจะแรงใจหรือแรงกาย ... ทางออกของร่างกายที่เหนื่อยล้า คือเหงื่อ ในทางตรงกันข้าม ทางออกของใจที่หมดแรง ก็คือน้ำตา

ลองสลับกันขำๆ ดูมั้ยครับ ลองให้เหงื่อเป็นทางออกของใจที่วิ่งทางไกลมานาน ... เวลาเหนื่อยกับความรักก็ให้กระโดดไปฟิตเนส ออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง แล้วกลับบ้านนอนฝันดี ... แล้วลองให้น้ำตาเป็นทางออกของกายที่ทำงานมาอย่างหนักหน่วง หยุดพักแล้วหันกลับไปมอง พร้อมอมยิ้มทั้งน้ำตากับผลงานที่ตรากตรำสร้างขึ้นมา

ไม่ได้คิดจะกวนอวัยวะเบื้องล่างใครนะครับ แต่เป็นไปได้มั้ยว่า น้ำตาก็คือเหงื่อของหัวใจ และเหงื่อก็คือน้ำตาของร่างกาย?

Sunday, April 02, 2006

อวกาศ

ถ้าคุณเป็นศิลปิน และได้รับโจทย์ให้ออกแบบงานศิลป์ภายใต้ concept ว่า "อวกาศ" (space) หน้าตาผลงานของคุณจะเป็นยังไง

เป็นโจทย์ที่ค้างคาอยู่นานมาก และไม่เคยหาคำตอบได้ เพราะสำหรับผม อวกาศคือสิ่งที่ไร้อาณาเขต จะจำกัดมันบนผืนผ้าใบก็ใช่เรื่อง หรือถ้าไม่ใช่ภาพวาดภาพเขียน จะเป็นงานปั้นงานปูน หรืองานไหน?

Saturday, April 01, 2006

หมายเหตุถึงพี่ชาย

อยากเขียนมาหาพี่นานมากแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าพี่ประภาสจะหน่วงอายุลงมาร้องเพลงกับผมได้รึเปล่า ...
ผมชอบเพลง "ปล่อยวาง" มากๆ ร้องเกะฯกี่ทีเพื่อนก็ว่าเหมือน playground มาร้องเองเลย ...

คำถามนะครับ (ออกจะไม่เกี่ยวกะที่เกริ่นมาเลย) ทั้งๆที่ร้องได้ร้องดี ทำไมผมยัง "ปล่อยวาง" ไม่ได้สักทีล่ะเนีย

....

ตอบคุณหมายเหตุถึงพี่ชายนะครับ

เคยไหมครับเวลายืนกลางสนามฟุตบอลแล้วลมมันแรง หนาว เลยต้องไปยืนหลบอยู่ตามมุมตึก

แต่ก็กลายเป็นว่าหนาวขึ้นไปอีกเท่าตัว เพราะเผอิญเจอทางลมเข้า!

ทำไมไม่รู้ อ่านจดหมายของคุณ ผมรู้สึกได้ว่าในทีเล่นทีล้อของคุณหมายเหตุถึงพี่ชาย มันมีอะไรลึกซึ้งอยู่ระหว่างบรรทัด

กับเรืื่องคาราโอเกะเนี่ย จะว่าไม่สันทัดก็ไม่ใช่ทีแล้ว ผมชอบพาเพื่อนน้องพี่ลุงปู่หลานไปสนุกกันบ่อยๆ ... จริงอยู่ playground กับเพลงปล่อยวาง อาจจะไม่เข้าข่ายวัยเลยรุ่นอย่างผม แต่จะเหมาว่าไม่รู้จักเลยก็ไม่ได้
ถ้าจะให้พูดตรงๆ คือ ไม่ว่าไปคาราโอเกะกี่ครั้ง ต้องมีคนร้องเพลงนี้!

ผมว่าคนแต่งเพลงนี่เค้าเข้าใจคิดนะครับ ตั้งชื่อเพลงประชดความรู้สึก เหมือนจับน้ำกับน้ำมันมาเขย่าปนกัน ทีนี้พอวางขวดน้ำลง ไม่นานก็เกิดการตกตะกอน แยกชั้นกันอีกแล้วจริงไหมครับ

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่โดนคาดโทษไว้กับเพลงๆ หนึ่ง แต่คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเป็นเพลงอะไร ไม่งั้นเจ้าของเพลงคงได้จับผมไปเซ็นสัญญาแน่ๆ ... สนุกครับ ร้องแล้วเพื่อนเฮ หลานฮา แต่แล้ววันนึงความรู้สึกคันอยากลองมันก็เกิดขึ้น

ผมเปลี่ยนไปร้องเพลงอื่นครับ!

หลายคนคงเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น ... แปลกครับ ไม่มีเสียงตอบรับในทันที แต่แล้วเสียงปรบมือก็ค่อยๆ ดังขึ้น เพื่อนๆ ในวันนั้นแปลกใจไม่ต่างอะไรกับผม และในที่สุดผมทำให้เพื่อนได้จำผมในมุมใหม่ๆ
ไม่ได้หมายความว่าผมกะเพลงเก่าเพลงนั้นจะแยกทางกันไปเหมือนน้ำกับน้ำมันนะครับ เพียงแต่บางครั้งการวางขวดน้ำกับน้ำมันไว้เฉยๆ แล้วนั่งมองมันห่างๆ อาจจะพบว่ามันสวยไปอีกแบบก็ได้

เหมือนกับการยืนหลบลมแหล่ะครับ

บางครั้งยืนกลางสนามฟุตบอล แล้วมีแดดจัดๆ เป็นเพื่อนคุย ก็ช่วยให้เราอุ่นไปอีกแบบ!